“5 ปี มูลนิธิใบไม้ปันสุข” โดยบางจากฯ มุ่งสนับสนุนการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนต่อเนื่อง ต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมา ครอบคลุมเด็กและเยาวชนกว่า 15,000 คน

“5 ปี มูลนิธิใบไม้ปันสุข” โดยบางจากฯ มุ่งสนับสนุนการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนต่อเนื่อง ต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมา ครอบคลุมเด็กและเยาวชนกว่า 15,000 คน

“5 ปี มูลนิธิใบไม้ปันสุข” โดยบางจากฯ มุ่งสนับสนุนการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนต่อเนื่อง ต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมา ครอบคลุมเด็กและเยาวชนกว่า 15,000 คน จากสถานศึกษาในเครือข่ายเกือบ 200 แห่ง ใน 52 จังหวัดทั่วประเทศ

ในโอกาสครบรอบ 5 ปีของการก่อตั้ง “มูลนิธิใบไม้ปันสุข” โดย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาการศึกษา สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตเยาวชนไทย ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals เป้าหมายที่ 4 Quality Education โดยเริ่มดำเนินกิจกรรมเพื่อเด็กและเยาวชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2560 ผ่านโครงการต่างๆ ครอบคลุมเยาวชนกว่า 15,000 คน จากสถานศึกษาเกือบ 200 แห่ง ใน 52 จังหวัดทั่วประเทศ มูลนิธิฯ จัดแถลงข่าวในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 กันยายน 2565 ประกาศเป้าหมายเดินหน้าผลักดันคุณภาพชีวิตเยาวชนไทยต่อเนื่องผ่าน 3 โครงการสำคัญอย่างเป็นรูปธรรม และประชาสัมพันธ์มูลนิธิฯ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงเชิญชวนผู้สนใจทั่วไปร่วมสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิฯ ผ่านการบริจาคในรูปแบบต่างๆ ทั้งการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ การบริจาคคะแนนสมาชิกบัตรน้ำมันบางจาก และการรับบริจาคผ่าน กล่องปันสุข กล่องรับบริจาคในร้านอินทนิล

จากความมุ่งมั่นของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและสังคมไทยมาตลอดการดำเนินธุรกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2560 จึงได้สนับสนุนทุนตั้งต้นในการก่อตั้ง “มูลนิธิใบไม้ปันสุข” เป็นจำนวนกว่า 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเยาวชน ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะ พร้อมสร้างจิตสำนึก ด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ให้เด็กได้เรียนรู้และลงมือทำด้วยตนเอง อาทิ โครงการอ่านเขียนเรียนสนุก ปั้นเด็กจิ๋ว เป็นเด็กแจ๋ว ที่มุ่งฝึกทักษะการอ่าน เขียน อันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการศึกษา และ โครงการรักษ์ ปัน สุข จูเนียร์ จัดตั้ง 8 สถานีเรียนรู้ เพื่อปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อจัดการขยะ โดยได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับสถานศึกษาในเครือข่ายเกือบ 200 แห่ง ใน 52 จังหวัดทั่วประเทศ และมอบโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เยาวชนไปแล้วกว่า 15,000 คน

นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ประธานมูลนิธิใบไม้ปันสุข กล่าวว่า มูลนิธิใบไม้ปันสุข เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการเรียนรู้และลงมือทำเพื่อให้เยาวชนอ่านออกเขียนได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยเริ่มจากประเด็นที่เป็นรากฐานการศึกษา ให้ความสำคัญของการอ่านออก-เขียนได้ของเด็ก ๆ เพราะนั่นคือก้าวแรกที่สำคัญของการเรียนรู้ เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน หลังจากนั้นจึงเริ่มพัฒนาโครงการอื่น ๆ ตามมา เพื่อพัฒนาทักษะและพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีปลายทางคือสร้างสังคมที่มีความสุข โดยมูลนิธิฯ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีความเชื่อ หลักการ วิธีทำงาน ที่คล้ายกัน ทำให้เราสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้สมบูรณ์แบบขึ้น ได้แก่ ทุ่งสักอาศรม บมจ. เอสซีจี เคมิคอลส์ และมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ทำให้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ มีความเชี่ยวชาญและพัฒนากิจกรรมด้านการศึกษาเพื่อต่อยอดงานร่วมกับพันธมิตรได้อย่างน่าสนใจและแข็งแรงขึ้น โดยในวันนี้ ซึ่งเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เป็นโอกาสที่ดีที่จะประชาสัมพันธ์โครงการสำคัญทั้ง 3 โครงการได้แก่ “โครงการอ่านเขียนเรียนสนุก ปั้นเด็กจิ๋วเป็นเด็กแจ๋ว” “โครงการรักษ์ ปัน สุข จูเนียร์” และ “โครงการโซลาร์ปันสุข” ให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงเชิญชวนสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิฯ ผ่านการบริจาคในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์การบริจาคคะแนนบัตรสมาชิกบางจาก และการรับบริจาคที่กล่องปันสุขในร้านอินทนิล อีกด้วย

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่า “บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว การก่อตั้งและดำเนินการมูลนิธิใบไม้ปันสุขถือเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่จะดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือไปจากกิจการเพื่อสังคมในระดับประเทศและกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เรายิ่งมุ่งเน้นสร้างรากฐานของความยั่งยืนคือการพัฒนาเยาวชนทั้งในด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ เป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals เป้าหมายที่ 4 Quality Education เป็นเป้าหมายหลัก และขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่อง เป้าหมายที่ 13 Climate Action เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและนโยบายชาติตามโมเดล BCG Economy โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้ให้แนวทางในการทำงาน และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรมากมาย ที่สำคัญคือการได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้บริหารและเพื่อนพนักงานในกลุ่มบริษัทบางจาก ทั้งในรูปแบบของคำแนะนำ การช่วยสนับสนุนโครงการต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบและการสละเวลามาร่วมเป็นพี่เลี้ยงอาสาเพื่อช่วยให้คำแนะนำและติดตามความคืบหน้าโครงการ เป็นไปตามวัฒนธรรมพนักงานของเราคือ ‘เป็นคนดี มีความรู้ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น’

หนึ่งในความภาคภูมิใจของบางจากฯ และมูลนิธิฯ คือโครงการ “อ่านเขียนเรียนสนุก” ของมูลนิธิใบไม้ ปันสุขได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2021 ประเภท Investment in People และเข้ารอบสุดท้ายรางวัลระดับโลก S&P Global 2020 ประเภท Corporate Social Responsibility Award – Targeted แสดงถึงความสำเร็จของโครงการที่มีความโดดเด่นในด้านความรับผิดชอบ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นกำลังใจให้พวกเรามุ่งมั่นผลักดันโครงการดี ๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทย

กลุ่มบริษัทบางจาก มีการตั้งเป้าสำคัญด้านความยั่งยืน คือ การมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2050 โดยมีเป้าหมายแรกคือเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 ผ่านแนวคิด BCP316 NET ซึ่งการดำเนินการต่าง ๆ ผ่านมูลนิธิใบไม้ปันสุข ถือเป็นหนึ่งในแผนงานด้าน NET คือการสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับ Net Zero หรือ Net Zero Ecosystem เพราะกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ในสังคมหรือชุมชนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเยาวชนในสังคมนั้นมีรากฐานด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อมที่ไม่แข็งแรง ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกท่าน ทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่มาร่วมมือกับบางจากฯ และมูลนิธิฯเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีของเยาวชนไทยของเรา นำไปสู่ความยั่งยืนในแง่มุมอื่น ๆ ต่อไป”

อาจารย์ในดวงตา ปทุมสูติ นักวิชาการจากศูนย์เรียนรู้ทุ่งสักอาศรม ที่เดินทางเป็นวิทยากรอบรมครูทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มากว่า 10 ปี กล่าวว่า “ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาทั้งด้านการศึกษาและสังคม จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาทั่วประเทศ ทั้งในเมืองใหญ่และพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีทั้งเด็กที่ใช้ภาษาถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย พบว่าแต่ละโรงเรียนล้วนมีทั้ง “เด็กที่อ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้” และ “เด็กที่อ่านออก-แต่เขียนไม่ได้” สาเหตุสำคัญมาจาก หลักสูตรที่ขาดความยืดหยุ่นและเข้าใจในบริบทอันแตกต่าง การให้ความสำคัญในวิชาภาษาไทยของผู้บริหารและครู รวมถึงประสบการณ์และทักษะการสอนภาษาไทยของครู ป.1 ดังนั้น ทุ่งสักอาศรมและมูลนิธิใบไม้ปันสุขจึงได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนในการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก ๆ โดยเริ่มจากสร้างความตระหนักและความเข้าใจในวิถีการสอนภาษาไทยให้แก่ผู้บริหารและครู ตลอดจนลงลึกสู่กระบวนการสอนที่แม่นตรงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามแนวทาง บันไดทักษะ 4 ขั้น ของทุ่งสักอาศรม โดยทางมูลนิธิใบไม้ปันสุข ได้สนับสนุนการดำเนินงานและสื่อการสอน เพื่อให้ครูในโครงการใช้เป็นเครื่องมือในการสอนภาษาไทย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ทั้งป้องกันปัญหาและแก้ไขปัญหา ทั้งยังมีการทดสอบที่ใช้วัดผลท้ายชั่วโมงที่สอนอย่างเป็นรูปธรรมด้วย แต่ในสถานการณ์โควิดทำให้ยิ่งมีปัญหาเรื่องการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ต้องมีการปรับรูปแบบและเวลาในการดำเนินโครงการให้ใกล้ชิดและสอดคล้องกับเหตุปัจจัยมากขึ้น”

ในด้านสิ่งแวดล้อม มูลนิธิใบไม้ปันสุข ร่วมกับ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และกลุ่มบริษัทบางจาก ได้จัดทำโครงการ รักษ์ ปัน สุข จูเนียร์ โดยมีพันธกิจในการปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจพอเพียงและสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จากสิ่งรอบตัว ผ่าน 8 สถานีเรียนรู้ ได้แก่ สถานีธนาคารขยะ สถานีกล่องนม-ถุงนมกู้โลก สถานีน้ำมันพืชใช้แล้ว สถานีใบไม้ปันสุข สถานีเรือนวัสดุและหลัก 3R สถานีพอ พัก ผัก สถานีน้ำหมักชีวภาพ และสถานีถังหมักรักษ์โลก โดยหวังสานต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้าน Climate Action นำพาสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งในช่วง 7 เดือนแรก หลังดำเนินงานกับโรงเรียน 35 แห่ง ได้คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลแล้วกว่า 6,000 กิโลกรัม ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 17,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

โดยนายกฤษดา เรืองโชติวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ESG บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “SCGC ให้ความสำคัญกับเรื่อง Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ SCGC โดยได้ผนวกกับการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเล็งเห็นว่ากุญแจสำคัญที่จะสร้างความยั่งยืนได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างพฤติกรรมในการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ให้คุ้มค่าสูงสุด ความร่วมมือกับมูลนิธิใบไม้ปันสุข และกลุ่มพันธมิตรในการดำเนินโครงการรักษ์ ปัน สุข จูเนียร์ จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการสร้างสังคมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของโครงการฯ มีโรงเรียนเข้าร่วมกว่า 18 จังหวัด ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อทราบพฤติกรรม ความคิดเห็นและกระบวนการจัดการขยะของโรงเรียน นำมาสู่การระดมความคิด กำหนดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ออกแบบการทำงาน และพัฒนาต่อยอดร่วมกัน โดยมีผู้บริหารและนักเรียนกว่า 10,635 คน คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลแล้วกว่า 6,000 กิโลกรัม ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 17,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สำหรับเป้าหมายในอนาคต ได้แก่ การส่งเสริมให้โรงเรียนฯ รวบรวมข้อมูล และเข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS PROJECT) ขององค์การจัดการก๊าซเรือนกระจกหรือ อบก. ซึ่งจะให้ความรู้เรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปถ่ายทอดให้แก่เยาวชนต่อไป”

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2565 โดยใช้ชื่อว่า โครงการโซลาร์ปันสุข ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธกิจที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสร้างแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนในภาคเกษตรกรรม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และต่อยอดองค์ความรู้จากโรงเรียนสู่ชุมชน โดยมูลนิธิใบไม้ปันสุข ร่วมกับ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ พันธมิตรผู้คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยีการศึกษาเฟ้นหาโรงเรียนที่มีผลงานด้านการเกษตรและการพัฒนาชุมชนรอบข้าง เพื่อสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ขนาดเล็ก พร้อมถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ทางการเกษตร โดยหวังยกระดับคุณภาพชีวิตเยาวชนและสังคมไทย และเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ในเป้าหมายที่ 13 Climate Action และเป้าหมายที่ 7 Affordable and Clean Energy

นายมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA) และผู้ก่อตั้งโรงเรียนมีชัยพัฒนา กล่าวว่า ชีวิตของชาวชนบทโดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญมักจะเป็นกลุ่มบุคคลที่ขาดโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม ซึ่งความเป็นจริงชาวบ้านเหล่านี้พร้อมที่จะร่วมในขบวนการเพิ่มคุณภาพชีวิต และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

โรงเรียนมีชัยพัฒนาจึงได้ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยสร้างโอกาสในด้านต่าง ๆ โดยเอาโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ให้กับคนในชุมชนรอบโรงเรียน โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนมากที่จำเป็นต้องดูแลหลานเนื่องจากพ่อแม่เด็กต้องอพยพไปหารายได้

นักเรียนโรงเรียนมีชัยพัฒนาซึ่งมีโอกาสเรียนรู้การปลูกผักและทำธุรกิจ ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยสร้างโอกาสให้แก่ผู้สูงอายุเหล่านี้ และหลาน โดยจะเดินทางไปใน 16 หมู่บ้านรอบ ๆโรงเรียนที่อยู่ในตำบลโคกกลาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นการรับใช้สังคม

ปัจจุบันมีโรงเรียนขนาดเล็กเป็นจำนวนมากได้ขอความร่วมมือให้โรงเรียนมีชัยพัฒนาดำเนินการขยายงานออกไปสู่โรงเรียนต่าง ๆ และมีหลายโรงเรียนที่ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและเป็นตัวอย่างพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนอื่น ๆ โดยอาศัยเงินกู้ที่ได้จัดตั้งขึ้นมาพร้อมทั้งนักเรียน และได้เริ่มอบรมผู้สูงอายุในการเพาะปลูกแบบทันสมัยที่มีผลตอบแทนสูงในโครงการสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุ เป็นการพัฒนาหมู่บ้านโดยผ่านโรงเรียนในด้านคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม

และในช่วงปลายปี 2565 โครงการโซลาร์ปันสุข ที่ร่วมกับมูลนิธิใบไม้ปันสุขและพันธมิตร จะเริ่มอบรมให้กับนักเรียน ได้เริ่มเรียนรู้ และเข้าใจ เรื่องโซล่าเซลล์ขั้นพื้นฐาน และจะดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้าน และในการปลูกผักโดยคาดหวังว่านักเรียนจะเป็นผู้แนะนำเรื่องการใช้โซลาร์เซลล์ให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชนได้เป็นลำดับต่อไป

ภายในงานแถลงข่าว “5 ปี มูลนิธิใบไม้ปันสุข” ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารของบางจากฯ ทุ่งสักอาศรม เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC และมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “4 ประสาน ขับเคลื่อน 3 โครงการเพื่อความยั่งยืน” พร้อมขยายองค์ความรู้เรื่องการอ่านเขียนของเยาวชน Circular Economy และนวัตกรรมทางการศึกษาและพลังงานอีกด้วย และด้วยความมุ่งมั่นร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน การแถลงข่าวครั้งนี้ จัดเป็น carbon neutral event มีการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจัดการประชุมด้วยคาร์บอนเครดิตจากโครงการกิจกรรมชดเชยคาร์บอนขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่ากัน ทำให้ถือว่ามีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

สำหรับผู้สนใจสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิใบไม้ปันสุขเพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สามารถสนับสนุนผ่านการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ “พี่ใบไม้-น้องปันสุข” https://line.me/S/sticker/20778064 การบริจาคคะแนนบัตรสมาชิกบางจากผ่าน “ตะกร้าบุญ” ในแอปบางจาก และ “กล่องปันสุข” รับบริจาคในร้านอินทนิล โดยมีแผนเริ่มวางกล่องปันสุขรับบริจาคที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลขวดนมจากร้านอินทนิล จำนวน 200 สาขาในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป รวมถึงติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเยาวชนด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้ที่เฟซบุ๊กมูลนิธิฯ https://www.facebook.com/baimaipunsook

ที่มา: บางจาก คอร์ปอเรชั่น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ