ม.มหิดลสร้าง ‘ความยั่งยืนทางสุขภาวะ’ ด้วยเทคนิคการแพทย์ชุมชนเชิงรุก

ม.มหิดลสร้าง ‘ความยั่งยืนทางสุขภาวะ’ ด้วยเทคนิคการแพทย์ชุมชนเชิงรุก

การดูแลสุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ตั้งแต่ก่อนป่วยด้วยการตรวจประมินสุขภาพทางห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ ที่ช่วยให้สุขภาพเป็นเรื่องจับต้องได้และสร้างความตระหนักและใส่ใจดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทนพ.ลิขิตปรียานนท์ รักษาการแทนรองคณบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และหัวหน้าภาควิชาเทคนิคการแพทย์ชุมชน คณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า 66 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ก่อตั้งคณะฯ ได้เป็นแหล่งบ่มเพาะบุคลากรทางการแพทย์ ด้านเทคนิคการแพทย์ และรังสีเทคนิคที่สำคัญของประเทศไทยและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา

ปัจจุบัน คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนใน 2 สาขา แบ่งเป็น 5 ภาควิชา โดยมีภาควิชาเทคนิคการแพทย์ชุมชน ซึ่งจัดการเรียนการสอนมาแล้วเกือบทศวรรษเพื่อตอบโจทย์นโยบายสาธารณสุขของประเทศที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพในระดับปฐมภูมิ

ซึ่งขอบเขตของงานเทคนิคการแพทย์ชุมชน ไม่ได้จำกัดแต่เพียงในเขตพื้นที่ชนบท แต่ยังรวมถึงพื้นที่ในเมือง ด้วยการให้บริการในคลินิกเทคนิคการแพทย์ที่นอกจากเป็นการช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลแล้ว ยังเป็นการขยายโอกาสทางวิชาชีพของนักเทคนิคการแพทย์ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพแก่ประชาชนอีกด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทนพ.ลิขิตปรียานนท์ ได้มองถึงบทบาทของเทคนิคการแพทย์ชุมชนในปัจจุบันว่าควรจะเป็นไปในเชิงรุก โดยมุ่งดูแลประชาชนให้ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นปัญหาทางสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยได้แนะนำให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจสุขภาพทางห้องปฏิบัติการเพื่อการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

หนึ่งในโรค NCDs ที่ไม่แสดงอาการในช่วงแรกเริ่ม แต่ผู้ป่วยมักเข้าพบแพทย์เมื่อมีอาการแล้ว ได้แก่ “โรคเบาหวาน” ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการเข้ารับการตรวจน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ

“การตรวจเลือดจากปลายนิ้ว” เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับบุคคลทั่วไป ค่าปกติอยู่ที่ไม่เกิน 110 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับการตรวจโดยไม่อดอาหาร หากมีค่าสูงเกินควรตรวจยืนยันด้วยการตรวจน้ำตาลจากหลอดเลือดดำ(Fasting Plasma Glucose) โดยค่าน้ำตาลที่เท่ากับ หรือเกิน126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับการตรวจหลังงดอาหารอาจหมายถึงกำลังมีภาวะเบาหวาน

แม้การตรวจเลือดจากปลายนิ้วจะไม่ใช่วิธีที่แม่นยำที่สุด และไม่จำเป็นต้องตรวจทุกวันสำหรับบุคคลทั่วไป แต่เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับใช้ตรวจในระดับชุมชน เพื่อการคัดกรองเบื้องต้นประจำปี ซึ่งหากพบความเสี่ยง ควรทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันต่อไป

อย่างไรก็ตาม การตรวจน้ำตาลจากหลอดเลือดดำเพื่อตรวจติดตามการรักษาสำหรับผู้ที่มีภาวะเบาหวานเพียงครั้งเดียวก่อนพบแพทย์ อาจไม่สะท้อนถึงการควบคุมอาหาร หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชะลอการดำเนินโรค

โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีการควบคุมอาหารในช่วงเวลาสั้นๆก่อนตรวจเลือดอาจทำให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงอย่างที่ควร ซึ่งอาจนำไปสู่การแปลผลการติดตามการรักษาที่ผิดพลาดได้

ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจที่เรียกว่า “การตรวจระดับน้ำตาลสะสม” (HbA1c – Hemoglobin A1c) ซึ่งจะเป็นการสะท้อนถึงระดับน้ำตาลในระยะ 2 – 3 เดือนย้อนหลัง เหมาะสมสำหรับการติดตามระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้มีภาวะเบาหวาน โดยค่าปกติควรน้อยกว่า 6.0 mg%

ในปัจจุบันแม้ว่าการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะอาศัยเครื่องตรวจอัตโนมัติเป็นหลัก แต่ว่าบางอย่างยังคงไม่สามารถทดแทนด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แต่ต้องอาศัยความชำนาญของนักเทคนิคการแพทย์ เช่น”การเจาะเลือดจากหลอดเลือดดำ” ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการหาเส้นเลือดดำ เช่น อุปกรณ์ฉายลำแสงอินฟราเรด (infrared)

แต่ที่สำคัญกว่า คือ ความรู้ และความเชี่ยวชาญของนักเทคนิคการแพทย์ที่จะทำให้การเจาะเลือดเป็นไปด้วยความแม่นยำ ซึ่งการเก็บตัวอย่างเลือดที่ปลอดภัยและเหมาะสม มีความมีความสำคัญอย่างมาก

เนื่องจากจะช่วยให้ผลการตรวจมีความถูกต้อง ซึ่งทางคณะฯเห็นความสำคัญของทักษะนี้จึงจัดการเรียนการสอนให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการเจาะเลือดเพื่อเก็บตัวอย่าง ทั้งในโรงพยาบาล และในชุมชน เพื่อสร้างทักษะในการดูแลสุขภาพประชาชนทั้งในเชิงรับและเชิงรุก

เคยมีคำกล่าววิชาชีพ “นักเทคนิคการแพทย์” ทำหน้าที่เป็น”ผู้ปิดทองหลังพระ” แต่ในปัจจุบันนักเทคนิคการแพทย์พร้อมทำหน้าที่ “ผู้ดูแล” ร่วมกับสหวิชาชีพในระบบสุขภาพปฐมภูมิที่คอยสร้างเสริมสุขภาพ ให้ความรู้ สร้าง health literacy และคำปรึกษาประชาชนตั้งแต่ก่อนป่วย เพื่อมุ่งสู่ “ความยั่งยืนทางสุขภาวะ” แทนคำมั่นสัญญา 66 ปีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่www.mahidol.ac.th

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210

ภาพโดย คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มา: มหาวิทยาลัยมหิดล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ