
นักศึกษา มจธ. สร้างยานยนต์ไร้คนขับด้วยเทคโนโลยีลูกผสม
ในยุคที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla, BMW, Waymo และ Volvo แข่งขันกันพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ก็ไม่ยอมแพ้ โดยผลักดันให้นักศึกษาสร้างเทคโนโลยีนี้ด้วยมือของตัวเอง
รศ.ดร.เบญจมาศ พนมรัตนรักษ์ จากภาควิชาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด เผยว่าเธอติดตามเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมากว่า 10 ปี เพราะเชื่อว่าประเทศไทยต้องเป็น “ผู้สร้าง” ไม่ใช่แค่ “ผู้ใช้” เทคโนโลยี
“เด็กไทยมีศักยภาพ ถ้าได้รับโอกาสและการสนับสนุนที่ดี พวกเขาจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างยานยนต์ไร้คนขับได้เช่นกัน” รศ.ดร.เบญจมาศกล่าว
สองผลงานโดดเด่นจากความคิดสร้างสรรค์
ในงาน Project Day 2025 นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. นำเสนอผลงานยานยนต์ไร้คนขับ 2 โครงการที่น่าประทับใจ
โครงการแรก: ระบบควบคุมด้วย LiDAR และกล้อง
นายณัฐวัฒน์ พลเสน, นายทวีศ บุญรอด และ นายภูมิธรรม ชัยภูมิ พัฒนา “LiDAR and Camera-Based Autonomous Vehicle Control System” โดยศึกษากลไกพื้นฐานของรถยนต์อย่างละเอียด จากนั้นจึงสร้างระบบควบคุมที่ผสมผสาน LiDAR, GPS และเซ็นเซอร์หลากหลายชนิด
“เราไม่อยากใช้ของสำเร็จรูป เพราะอยากรู้ว่ามันทำงานยังไงตั้งแต่พื้นฐาน” ทวีศ อธิบาย ขณะที่ภูมิธรรมเล่าถึงการออกแบบระบบเบรกอัจฉริยะที่จะหยุดรถทันทีเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง
โครงการที่สอง: นำทางด้วยระบบมองเห็น
นางสาวมัทรียาภรณ์ มั่นคง, นายกฤติน พรอยู่ศรี และ นายฐปนศมน ธาราดล สร้าง “Vision-Based Navigation For Autonomous Golf Cart” จากคำถามท้าทาย “ถ้าไม่มีเซ็นเซอร์ราคาแพง เราจะทำให้รถขับเองได้ไหม?”
ทีมนี้พัฒนาระบบที่ใช้เพียงกล้อง 4 ตัวร่วมกับ GPS โดยแต่ละกล้องทำหน้าที่เป็น “ดวงตา” ที่ส่งข้อมูลให้ AI ประมวลผลเพื่อตัดสินใจขับเคลื่อน
“เราใช้ภาพจากสภาพแวดล้อมจริงในมหาวิทยาลัยสอน AI ให้แยกแยะสถานการณ์ต่างๆ ได้” มัทรียาภรณ์อธิบาย ขณะที่ฐปนศมนเสริมว่าระบบใช้ ROS2 เชื่อมโยงข้อมูลและ Arduino สั่งงานเบรกกับพวงมาลัย
เป้าหมายคือการสร้างคน ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี
รศ.ดร.เบญจมาศเน้นว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษา “ทักษะที่พวกเขาได้คือความอดทนและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเรียนรู้ได้ยากในห้องเรียน”
“เด็กทุกคนไม่ได้เดินคนเดียว เราจะอยู่ข้างๆ อย่ากลัวที่จะล้มเหลว เพราะเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การสร้างรถที่วิ่งเองได้ แต่เป็นการสร้างบุคลากรที่มีทักษะ” เธอกล่าว
แม้โครงงานเหล่านี้ยังไม่ได้วิ่งบนถนนจริง แต่เป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการก้าวจาก “ผู้ซื้อ” สู่ “ผู้สร้าง” เทคโนโลยี เพื่อไม่ให้ประเทศมีแต่คนที่ประกอบได้ แต่ไม่มีคนที่คิดเป็นหรือพัฒนาต่อยอดเองได้