ผลสำรวจ NIDA Poll เผย “หลักสูตรล้าสมัย” ปัญหาเร่งด่วนอันดับ 1 ของการศึกษาไทย

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อการศึกษาไทย Thailand Education Partnership (TEP) ได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ “ต้อนรับรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาการศึกษาไทย” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-21 ตุลาคม 2568 จากประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,310 คน ครอบคลุมทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ที่แตกต่างกัน โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 97.0

หลักสูตรล้าสมัยเป็นปัญหาอันดับ 1

จากการสำรวจครั้งนี้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 49.31 ระบุว่า “หลักสูตรล้าสมัย ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน” เป็นปัญหาที่ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ตามมาด้วยร้อยละ 48.09 ที่เห็นว่า “หลักสูตรขาดการฝึกทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานจริง”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆ ได้แก่:

ปัญหาความปลอดภัยในโรงเรียน เช่น การบูลลี่ การล่วงละเมิด ยาเสพติด และแก๊งเด็กเกเร (ร้อยละ 38.78)
คุณภาพโรงเรียนและครูไม่เท่ากัน (ร้อยละ 37.33)
เรียนฟรีไม่เป็นจริง เพราะยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝง (ร้อยละ 31.30)
ครูมีภาระงานอื่นที่ไม่ใช่งานหลักมากเกินไป (ร้อยละ 26.49)

สิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ทำทันที

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการทันที ประชาชนตอบดังนี้:

ปรับหลักสูตรให้ทันสมัยและใช้ได้จริง (ร้อยละ 44.27)
ลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา เรียนฟรีจริงถึง ม.6 (ร้อยละ 44.05)
ปรับหลักสูตรให้นักเรียนได้ฝึกทักษะและสร้างประสบการณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต (ร้อยละ 37.86)
เพิ่มโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้เด็กทุกกลุ่ม (ร้อยละ 35.95)
ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตของนักเรียน (ร้อยละ 24.05)

ประชาชนพร้อมมีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษา

ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาไทย โดย:

ร้อยละ 30.76 พร้อมให้ความร่วมมือในการฝึกทักษะและเสริมสร้างประสบการณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานจริง
ร้อยละ 26.95 พร้อมร่วมในการตัดสินใจพัฒนารูปแบบและกลไกการจัดการเรียนการสอน
ร้อยละ 23.82 พร้อมบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมและการพัฒนาโรงเรียน

ครูมีภาระงานมากเกินไป

ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งคือ ร้อยละ 57.40 ของประชาชนเห็นว่าครูมีภาระงานอื่นที่ไม่ใช่งานหลักมากเกินไป และเมื่อถามว่าการลดภาระงานดังกล่าวจะช่วยพัฒนาการศึกษาไทยหรือไม่ ปรากฏว่า:

ร้อยละ 55.19 เชื่อว่าจะช่วยทำให้การศึกษาไทยพัฒนามากขึ้นแน่นอน
ร้อยละ 25.50 คิดว่าค่อนข้างช่วยพัฒนาการศึกษา

ความกังวลและความหวังต่อรัฐบาลใหม่

เมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ไขปัญหาการศึกษา พบว่า:

ร้อยละ 30.84 รู้สึก “กังวล แต่มีความหวัง”
ร้อยละ 25.11 “ไม่กังวล แต่ไม่มีความหวัง”
ร้อยละ 21.99 “ไม่กังวล และมีความหวัง”
ร้อยละ 20.38 “กังวล และไม่มีความหวัง”

สรุป

ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นการปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปรับหลักสูตรให้ทันสมัย การลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา การเพิ่มความปลอดภัยในโรงเรียน และการลดภาระงานของครู ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการศึกษาไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน